ถ้าพูดถึงการทำแบบ (Drawing) โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการสื่อสารโดยบอกขนาด (Dimension) ของชิ้นงานที่ทำลงไปเป็นตัวเลขลงบนแบบ (Drawing) เช่น ความกว้าง ความยาว ความสูง เพื่อส่งต่อไปยังฝ่ายผลิตหรือช่างเพื่อทำการผลิตชิ้นงานให้ออกมาได้ขนาดตามแบบ (Drawing) ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งขั้นตอนการทำแบบ (Drawing) นั้นหากชิ้นงานมีรายละเอียดมากหรือแบบ (Drawing) เป็นการประกอบชิ้นงาน (Assembly) ที่ต้องบอกจุดประกอบต่างๆ มาก ผู้ที่ทำแบบ (Drawing) จึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนหน้ากระดาษ (Sheet) ซึ่งอาจจะมากกว่า 1 แผ่นขึ้นอยู่กับงานนั้นๆ 

      กระบวนการทำงานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Model State ถูกเพิ่มเข้ามาใน Inventor 2022. ฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยสร้างสถานะแบบจำลองการผลิต ทำให้เข้าใจกระบวนการผลิตได้ง่ายและเป็นลำดับมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโมเดลชิ้นงานหรือออกแบบงานประกอบ

ในบทความนี้จะมาพูดถึงการแสดงผลแสงและเงาในแบบ (Drawing) และต้องขอบอกก่อนว่าในเวอร์ชันก่อนๆ จะสามารถแสดงผลในแบบ (Drawing) โดยที่ชิ้นงานมีสีอะไรก็จะมาแสดงในแบบ (Drawing) สีนั้นๆ แต่แสงและเงาที่เราได้กำหนดไว้ในการทำชิ้นงาน (Model) นั้นจะไม่ตามมาแสดงผลในแบบ (Drawing) ด้วย ซึ่งการทำแบบ (Drawing) ในปัจจุบัน Inventor 2022 เราสามารถเพิ่มความดึงดูดให้กับลูกค้าที่เห็นแบบ (Drawing) ได้มากขึ้นโดยที่เรากำหนดแสงและเงาเพิ่มลงไปในแบบ (Drawing) ทำให้งานของเราดูน่าสนใจขึ้นอีกด้วย เป็นการเพิ่มมูลค่างานของเราไปในตัวนั้นเอง

       ในสมัยก่อนการบอกขนาด (Dimension) ให้กับชิ้นงานที่สร้างขึ้นมานั้นจะมีเฉพาะในรูปแบบ 2 มิติเท่านั้นที่เรารู้จักกันดีก็ในโปรแกรม AutoCAD ที่มีมาอย่างช้านาน แต่การบอกขนาดแบบ 2 มิติเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากการทำงานก็จะมีหลายๆ แผนกเข้ามาเกี่ยวข้องในการอ่านแบบเช่น แผนกจัดซื้ออาจจะต้องดูแบบเพื่อประกอบการจัดซื้อชิ้นส่วนต่างๆ ด้วย ซึ่งอาจจะไม่เชี่ยวชาญในการดูแบบ ต่อมาได้มีการพัฒนาให้ชิ้นงาน  3 มิติที่สร้างจาก Inventor 2021 สามารถบอกขนาด (Dimension) รวมไปถึงความหยาบผิวงานและพิกัดเผื่อรูปทรงและตำแหน่ง